#BritneySpears กับ #Pepsi และประวัติศาสตร์ที่สะเทือนวัฒนธรรม

Britney Spears ร่วมกับ Pepsi ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มณ เวลานั้น ก่อนที่จะมีการตกลง ผู้บริหารสูงสุดของ Pepsi ไม่เชื่อว่าพรีเซนเตอร์ผู้หญิงจะทำให้ยอดขาย Pepsi ดีขึ้นแต่ภรรยา ลูก รวมถึงพนักงานต่างเชื่อในความเป็น Superstar ของ Brit ด้วยการเจรจาต่อรอง เธอได้ค่าตัวไป 14.1 ล้านเหรียญหรือเกือบ 500 ล้านบาทในวัยเพียง 19 ปี การร่วมมือครั้งนี้มีผลอย่างมากต่อการตลาด จากที่ Pepsi ไม่เคยมียอดขายชนะ coke ปีนั้นเป็นครั้งแรกที่ Pepsi ยอดขายถล่มทลายชนะ coke อย่าลืมสมัยนั้นยังไม่มี Social Media แต่โลกจำ Britney ได้กว่าใคร ในฐานะที่เป็น Social Media Campaign Director วิเคราะห์ได้ดังนี้

1. ความนิยมและการเข้าถึง: ในช่วงเวลาที่ Britney Spears ทำข้อตกลงกับ Pepsi, เธออยู่ในจุดสูงสุดของความดังยอดขาย มีคนเสิร์ชชื่อเธอมากกว่า 100 ล้านครั้ง มีความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก สถานะของเธอเป็น Pop Icon ระดับโลกช่วยให้ Pepsi สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังที่กว้างขึ้นและเยาวชนได้  พอแบรนด์เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น ทำให้แบรนด์มีพลังและน่าสนใจยิ่งขึ้น (ช่วงนั้นโค๊กต้องออก Diet Coke มากระตุ้น)

2. แคมเปญที่น่าจดจำ: โฆษณาที่มี Britney Spears สร้างภาพจำให้คนทั้งโลก แสดงให้เห็นว่าเธอเข้าถึงได้ในกลุ่มคนทุกยุคสมัย จากโฆษณาตัวนี้ Pepsi ยอดลงทุนโฆษณาพร้อมเพลงของเธอที่ติดหูเหล่านี้ ไม่เพียงแต่บันเทิง แต่สร้างภาพจำให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี

3. ผลกระทบทางวัฒนธรรม: แคมเปญของ Britney กับ Pepsi ถือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมป๊อปในช่วงต้นปี2000 ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ Pepsi เป็นแบรนด์ที่ตามทันเทรนด์ดนตรีและบันเทิง ตบหน้า Coke ให้ดูล้าหลังไปเลย แบรนด์ดูเป็นมิตรกับเยาวชน มีพลัง ยอดขาย Pepsi ที่มี Britney อยู่บนกระป๋องแคน ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ

4. ยอดขายและการรับรู้แบรนด์: แม้จะไม่มีตัวเลขยอดขายที่ชัดเจน การเคลมของ Pepsi ในปีนั้น Coke ไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างใด มองเห็นได้โดยตรงจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเธอ การร่วมมือในช่วงเวลานั้นตรงกับแคมเปญการตลาดที่แข็งแกร่งซึ่งเพิ่มการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคกับแบรนด์ Pepsi การเริ่มเชื่อถือคนดังที่เป็นผู้หญิงให้มาเป็นพรีเซนเตอร์

คลิกที่รูปเพื่อดูโฆษณา

สรุปได้ว่า การร่วมมือของ Britney Spears กับ Pepsi ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จ การใช้พลังความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของบริทนีย์เปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์จากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้บริโภคเยาวชน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการเชื่อมโยงแบรนด์กับคนดังที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมอย่างแข็งแกร่งและฐานแฟนคลับที่ภักดี กลายเป็นตำนานของ Pepsi ที่ทำเอาทั้งโลกจดจำ

คลิกเพื่อดูตัวโฆษณา

Aam Anusorn Soisa-ngim

Aam Anusorn is an independent filmmaker and storyteller with a decade of experience in the industry. As the founder and CEO of Commetive By Aam, he has directed and produced several acclaimed films and series, including the popular "Till The World Ends" and "#2moons2." Known for his creative vision and determination, Aam prefers crafting original stories that push the boundaries of traditional genres, particularly in the BL and LGBTQ+ spaces. Despite the challenges and pressures of working in a competitive field, Aam’s passion for storytelling drives him to explore new ideas and bring unique narratives to life. His work has garnered recognition and support from prestigious platforms, including the Tokyo Gap Financial Market. Aam continues to inspire audiences with his innovative approach to filmmaking, always staying true to his belief in the power of original, heartfelt stories.

https://Commetivebyaam.com
Previous
Previous

7 Reasons Why Supporting Independent Artists Is Crucial

Next
Next

สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จาก Ali กับแนวทางการสร้างรายได้ 340,000 ต่อเดือน