สะเทือนทั้งฮอลลีวูด: Monique แฉ Oprah, Tiffany และอีกมากมาย

วงการบันเทิงอันหรูหราที่เรียกว่า “ฮอลลีวูด” ซึ่งหลายคนปรารถนา จริงๆ แล้วก่อร่างสร้างตัวจากความอัปรีย์, ความจัญไร, และการทรยศรึป่าว? (เหมือนวงการแถวนี้เลย)

ในยุคที่ทุกคนเห็นแต่ความงามและความหรูหราของวงการบันเทิงฮอลลีวูด เราอาจมองข้ามความโสมม ไม่เห็นวงจรอุบาทว์ที่ซับซ้อนและบางครั้ง……… มันน่าตกใจนะ แต่จริงหรือไม่จริงนั้น ถ้ามันมีความอัปรีย์เหล่านี้เกิดขึ้นจริง? การที่ Monique ไปออก podcast ของ "Club Shay Shay" ไม่ต่างอะไรกับการประกาศสงคราม แม้เธอเป็นตัวคนเดียว แต่เธอไม่กลัวที่ทำให้เกิดการสนทนาอันน่าตกใจ แต่ความเด็ดของเธอคือความซื่อสัตย์ที่เธอที่ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลมืด ความตรงไปตรงมา เธอท้าทายด้วยการแฉ ประกาศให้โลกรับรู้และชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความซื่อสัตย์, ความจงรักภักดี, และต้นทุนที่แท้จริงของการแลกกับชื่อเสียงภายใต้อุตสาหกรรมบันเทิงที่เต็มไปด้วยขยะ

ประเด็นของพอดคาสต์ ต้องชื่นชมโฮสต์อย่าง Shannon Sharpe นักจัดรายการที่ดังที่สุดในโลกแล้วในขณะนี้, ออกอากาศในวันที่ 6 มกราคม 2024 ทะลุ 10 ล้านวิวส์ไม่ถึงเดือน, ใครที่ไม่รู้จัก Monique, เธอคือนักแสดงหญิงผู้ได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ Precious ซึ่งหนังเริ่ดมาก เธอมาตอบทุกคำถามด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เกรงใจใคร บทสนทนาจึงเต็มไปด้วยหลากหลายซึ่งเปิดเผยถึงซับซ้อนและบางครั้งก็เป็นความท้าทายอำนาจที่มองไม่เห็น อำนาจของวงการบันเทิงฮอลลีวูด อาชีพนักแสดงมีมาหลายหลายทศวรรษและผลงานนับล้าน, ข้อมูลเชิงลึกของเธอนำเสนอมุมมองที่ไม่มีใครกล้าพูด เธอกล้าที่จะแฉ

เรื่องเก่าไม่จบ เรื่องใหม่มาอีกแล้ว

การสนทนาของ Monique กับ Sharpe ไม่เพียงแต่เปิดเผยความขัดแย้งที่มีมายืนยาว กระตุ้นเรื่องราวเก่าเก่าให้มีความร้อนแรงและน่าเชื่อถือมากขึ้น อำนาจของคนดีที่มามาพร้อมกับความเลวและมีดอันเล่มคมที่พร้อมเฉือนและฆ่าทุกคนที่ไม่เห็นด้วย ในปี 2009 นั้นเธอได้รับรางวัลออสก้า ซึ่งเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง แต่เธอกลับไม่มีงานทำ เธอกลับไม่มีอะไรที่เป็นหลักเป็นแหล่ง เหมือนดาราที่ได้รับรางวัลออสก้าทั่วไป เธอถูกคว่ำบาตร บอยคอร์ตและโดนกล่าวหาว่าเรื่องเยอะ โดยการการใช้อำนาจอันเลวทรามจากบรรดาผู้มีอิทธิพล เธอหายจากหน้าจอไปนานหลายปี ทำให้คนเกิดการตั้งคำถามว่า เธอหายไปไหน สิ่งที่ได้ฟังจากพ็อดคาสท์ที่เธอเล่าให้ฟังในเรื่องของวัฒนธรรมอันเน่าเปื่อยของฮอลลีวูด โดยมี Tiffany Haddish, Oprah Winfrey, Kevin Hart, และ Al Sharpton มาเกี่ยวข้อง  พ็อดคาสท์นั้นมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง แต่ไม่มีวินาทีไหนเลยที่น่าเบื่อ ทุกคำพูดในการเล่าของโมนิคทำให้เราช็อคไปกับความเวทนาน่าสมเพชของบรรดาผู้มีชื่อเสียงที่ทำตัวต่ำช้ายิ่งกว่าไส้เดือน

1. ฟาดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อ Tiffany Haddish คือ Tiffany ออกไปให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุว่าจะทำงานยังไงก็ได้แต่จะไม่ทำงานแบบ Monique เธอได้ตอบกลับเหมือนเชือดนิ่มนิ่ม ว่าหากทิฟฟานี่นั้นสามารถทำงานแบบ‘คนมืออาชีพที่เธอทำได้นั้น ป่านนี้ทิฟฟานี่คงเป็นผู้เป็นคนได้นานแล้ว เพราะนอกจากปัญหาชีวิตส่วนตัวที่โดนเกือบโดนจำคุก เธอเองยังไม่มีความสำเร็จที่เป็นชิ้นเป็นอัน Monique ย้ำอีกว่า ทั้งหมดที่เธอพูดอยู่ภายใต้ทางกฎหมาย หาก Tiffany ไม่หุบปาก เธอจะแฉ

2. ความขัดแย้งกับ Oprah Winfrey พิธีกรชื่อดังไม่มีใครในฮอลีวูดกล้ามีปัญหากับเธอ แต่ในเคสของ Monique เธอพูดถึงการโดนหักหลังที่โดนกระทำจากตำนานคนนี้ คำพูดด้วยความเจ็บปวด เผยถึงเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างขอบเขตส่วนตัวของเธอที่ถูกเปิดเผย แฉ กลางหน้าจอโทรทัศน์จนกลายเป็นเรื่องราวสาธารณะ เธอเปิดโปงถึงข้อกล่าวหาที่ Winfrey มายุ่งยากทำเป็นคนดี ด้วยการมีส่วนร่วมในสมาชิกของครอบครัวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเธอ ไม่ถามเลยซักคำ โดยเอาแม่ของเธอไปออกรายการสด พูดถึงความซับซ้อนของการจัดการกับบาดแผลส่วนตัวในสายตาของสาธารณชน โดยไปบอกคนทั้งโลกว่าเธอโดนพี่ชายข่มขืนตอนอายุ 8 ขวบ

3. น่าผิดหวังกับ Kevin Hart เธอเปิดเผยความเปราะบางของข้อตกลงทางวาจาในอุตสาหกรรมที่คำมั่นสัญญาอาจเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว. การเล่าเรื่องการตกลงทางธุรกิจที่ล้มเหลวกับ Hart แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของความไม่ไว้วางใจและความสำคัญของข้อตกลงที่มั่นคงในความสัมพันธ์ด้านอาชีพ ไม่มีใครซื่อสัตย์

4. อาชีพการงานที่โดนทำลาย โดย Oprah Winfrey และ Tyler Perry พูดถึงประเด็นของการถูกขัดขวางทุกทางในฮอลลีวูด. การยืนยันของ Monique ว่าเธอเป็นคน "ยากจะร่วมงานด้วย" และต่อมาเผชิญกับอุปสรรคในอาชีพนำเสนอคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับอำนาจที่ถูกใช้โดยผู้ควบคุมอุตสาหกรรมและศักยภาพสำหรับการล่วงล้ำ.

5. ความไม่แยแสหรือความข่วนเหลือจากที่ถูกกล่าวหาของ Al Sharpton, ที่ Monique เข้าหาเพื่อขอความสนับสนุน, ย้ำถึงความท้าทายในการนำทางการสนับสนุนและการสนับสนุนภายในชุมชนบันเทิง, โดยเฉพาะเมื่อมีความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นเพียงความฝัน


การเปิดเผยของ Monique ใน "Club Shay Shay" ขยายไปเกินกว่าข้อพิพาทส่วนตัว, ชวนให้มีการสนทนากว้างขึ้นเกี่ยวกับค่านิยม, จรรยาบรรณ, และโครงสร้างพลังงานที่ประคับประคองอุตสาหกรรมฮอลลีวูด. ตอนนี้กลายเป็นตัวกระตุ้นสำหรับการสนทนาที่สำคัญเกี่ยวกับความต้องการสำหรับความโปร่งใส, ความซื่อสัตย์, และความรับผิดชอบของบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุด

ความน่าดึงดูดของอุตสาหกรรมบ่อยครั้งที่ปกปิดความซับซ้อนและความท้าทายที่ต้องเผชิญโดยผู้ที่อยู่ในนั้นไม่กล้าออกมาพูด, ทำให้ความจริงที่เปิดเผยโดย Monique เป็นมุมมองที่มีค่าในการเข้าใจธรรมชาติหลายมิติของชื่อเสียง. ในขณะที่ฮอลลีวูดยังคงพัฒนา, ข้อมูลเชิงลึกที่แชร์โดย Monique นำเสนอการเตือนใจที่สำคัญเกี่ยวกับความต้องการอย่างต่อเนื่องในการตรวจสอบและพัฒนา ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่จิตใจ

ขอยืนปรบมือในความกล้าเปิดเผยประสบการณ์ของเธอ, Monique ไม่เพียงแต่ท้าทายสถานะการเป็นนักแสดงสำรอง แต่ยังกระตุ้นให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับค่านิยมพื้นฐานของโลกบันเทิง. ภายใต้หน้ากากที่สว่างไสวของฮอลลีวูดสร้างขึ้นบนพื้นฐานของการทรยศและการจัดการ? เมื่อการสนทนาดำเนินไป, ก็เป็นที่ชัดเจนมากขึ้นว่าวงการบันเทิงทั่วโลกควรจะดีได้กว่านี้

Are you serious ?

I don’t think I need to be sorry for what I said and I’m not sorry for real and you can be upset and I don’t have to care.

Previous
Previous

A Creator’s Response to Modern Audience Reactions: Navigating the BL Genre Today

Next
Next

Cracking the YouTube Code in 2024: Straight from My Experience